Wedding cake

ช่วงเวลาแต่งงานนับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของทุกคนที่มาร่วมงานไม่ว่าจะเป็นเจ้าบ่าว เจ้าสาว พ่อแม่ พี่น้อง ญาติเพื่อนฝูง และอีกมากมาย นอกจากนั้นงานแต่งงานยังเป็นพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยความเชื่ออีกด้วยบางเรื่องเราก็ไม่ได้รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เห็นว่าสนุกดีก็เลยทำตามกันมา อย่างหนึ่งที่เราเห็นได้ก็คือ เค้กแต่งงาน สิ่งนี้สะท้อนความเชื่ออะไร แล้วมันเริ่มมาจากไหน เราจะพาไปย้อนอดีตกัน

ความเชื่อของชาวโรมัน

เราย้อนกลับไปในยุคของโรมันเลย ยุคนั้นเต็มไปด้วยความเจริญ ความเชื่อมากมายเต็มไปหมด พิธีแต่งงานก็มีความเชื่อด้วย ตอนนั้นเค้กมีแล้วนะ แต่เป็นการนำข้าวสาลีมาอบกับเกลือกลายเป็นเค้กชิ้นเล็กเท่านั้นเอง (ยังไม่มีครีม) พวกเค้ามีพิธีกรรมน่าสนุกเกี่ยวกับเค้กว่า เจ้าบ่าวกินทางหัว จากนั้นก็หักที่เหลือบางส่วนมาโรยหัวเจ้าสาวเพื่อให้พรมีความสุขทั้งครอบครัว มีลูกง่าย (บางเผ่าใช้การปาใส่หน้าเลย อันนี้ก็โหดไปหน่อย) ส่วนที่เหลือก็แจกแขกในงานเพื่อรับพรดังกล่าวกลับบ้านกันไปด้วย นอกจากนั้นชาวโรมันยังเชื่อว่าเค้กเป็นตัวแทนความบริสุทธิ์ พรหมจรรย์ของเจ้าสาวที่จะยอมเสียสละให้กับชายหนุ่มเจ้าบ่าวของเธอนั่นเอง

เค้กซ้อนกันหลายชั้น

เค้กแต่งงานที่เราเห็นกันในสมัยนี้ เราคงคุ้นชินกับเค้กแต่งงานที่ซ้อนกันหลายชั้นกลายเป็นเค้กทรงสูงไป เรื่องนี้ก็มีความเชื่อเหมือนกัน แต่เป็นความเชื่อของฝั่งอังกฤษ พวกเค้าเชื่อกันว่าการต่อเค้กให้สูงขึ้นไปเท่าไร จะยิ่งทำให้เจ้าบ่าวสาวมีความรักอันยืนยาวมากขึ้นเท่านั้น ไม่เท่านั้นพิธีกรรมก็คือเค้กที่สูงแล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องขึ้นไปยืนให้สูงกว่าเพื่อจูบกันเหนือเค้กด้วยหากทำได้และเค้กไม่คว่ำลงมานับว่ายอดเยี่ยม ต่อมาคงทำกันได้ยากก็เลยเปลี่ยนเป็นตุ๊กตาหนุ่มสาวยืนจูบกันเหนือเค้กแทนจะปลอดภัยกว่า

ความเชื่อการตัดเค้ก

แม้แต่การตัดเค้ก เราก็มีความเชื่อด้วยเหมือนกัน เราเชื่อกันว่า การตัดเค้กนั้นจะเป็นหน้าที่ของเจ้าสาวอย่างเดียว เพื่อแสดงถึงความสามารถทางการเรือนของเจ้าสาวว่าจะสามารถตัดเค้กได้หรือไม่ หากทำไม่ได้ก็น่าอายอยู่ จากนั้นจะนำเค้กไปให้แก่พ่อแม่ฝ่ายเจ้าบ่าว และ พ่อแม่ตัวเองเพื่อแสดงความเคารพ รวมถึงเป็นการเชื่อมโยงสองครอบครัวเข้าด้วยกันด้วย อีกหนึ่งความเชื่อที่เกิดขึ้นกับคู่หนุ่มสาวสมัยนี้ก็คือ เวลาตัดเค้กจะต้องให้มือของตัวเองอยู่เหนืออีกฝ่ายให้ได้ หากใครมือเหนือกว่าจะเป็นเหมือนกับการตัดไม้ข่มนามอีกฝ่ายไปในตัวด้วย (เหมือนจะข่มบารมีกัน) นี่แหละเรื่องราวของเค้กแต่งงานที่หลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อน